4 ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
#ไตวายระยะสุดท้ายการผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือว่าเป็นการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่หายขาด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้
1.ภาวะปฏิเสธไตใหม่ได้ หรืออาการไม่พึงประสงค์ อาจเกิดขึ้น เช่น ปวด บวม เป็นไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัวได้
2.ภาวะแทรกซ้อน เกิดขึ้นทันทีหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ได้แก่
-การเปลี่ยนแปลงระบบเลือด เลือดออก ระบบหัวใจผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ ได้
-ระบบทางเดินอาหารเช่่น ท้องอืด ท้องผูก หรือมีแก๊สในกระเพาะมากขึ้นได้
3.ภาวะแทรกซ้อน จากการติดเชื้อหลังการผ่าตัดไตใหม่ เพราะภูมิค้มกันของร่างกายจะลดลง ทำให้เกิดการติดเชื้อรับเชื้อได้ง่ายและเร็วขึ้น
4.ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆเช่นการใช้ยาภายหลังจากการผ่าตัดปลูกถ่ายไตนานๆหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยากดภูมิเป็นระยะเวลานานอาจ เกิดโรคต่างๆเพิ่มมาได้เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ โรคต้อในตาและเสี่ยงตาบอดได้ อาจมีภาวะไตทำงานผิดปกติร่วมได้
#สาเหตุไตทำงานผิดปกติ
ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานยากดภูมิคุ้มกันหลังปลูกถ่ายไตไม่ สม่ำเสมอซึ่งจะทำให้ไตทำงานได้ลดลง อาจนำไปสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายได้ทำให้ผู้ป่วยต้องกลับมาล้าง ไตหรือรอผ่าตัดปลูกถ่ายไตอีกครั้ง
อาการไม่พึงประสงค์จากยา ผู้ป่วยบางรายอาจมีผลข้างเคียงของยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่น หน้าบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้น เกิดสิว ขนขึ้นตามใบหน้า ต้อกระจก เบาหวาน กระเพาะอาหารอักเสบ ความดันโลหิตสูง และกระดูกพรุน
ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันติดต่อกันระยะยาวจะมีความเสี่ยงต่อการเกิด โรคมะเร็งเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติได้
สอบถามเพิ่มเติมโทร..098-324-6909 Id 0983246909
**ดังนั้นควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตนอย่ำงเข้มงวดทุกขั้นตอนเมื่อกลับบ้าน ดังนี้
#การบันทึกในแบบบันทึกประจำวัน ทำการติดตามและบันทึกเป็นเวลา 1 เดือน
-เมื่อรู้สึกว่ามีไข้ ให้วัดอุณหภูมิร่างกาย ค่าปกติไม่ควรสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
-ตรวจวัดความดันโลหิตก่อนอาหารเช้าและก่อนอาหารเย็น
-ตรวจดูลักษณะสีกลิ่น ปริมาณของปัสสาวะเป็นประจำ
#อาการที่ควรติดต่อแจ้งให้อายุรแพทย์โรคไตทราบทันที
มีไข้หรือมีอาการคล้ายเป็นหวัด
เหนื่อย อ่อนเพลียกว่าปกติ
บวมตามตัว เช่น ที่หนังตา ที่มือ ที่เท้า เป็นต้น
ปวดตึงท้องหรือปวดบริเวณที่ปลูกถ่ายไต ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของภาวะปฏิเสธอวัยวะ
ปัสสาวะขุ่น ถ่ายปัสสาวะแสบขัด และปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ
ปริมาณปัสสาวะน้อยกว่า 1 ลิตรต่อวัน โดยที่ยังดื่มน้ำเป็นปกติ
ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มถึงส้มหรือมีเลือดปน
การดูแลแผลผ่าตัด
ตรวจดูบริเวณแผลผ่าตัดทุกวัน เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อ เช่น มีอาการบวม แดง ร้อน ตึง มีของเหลวซึม
อย่าดึงแผ่นปิดที่ยึดแผลผ่าตัดออก แผ่นปิดยึดแผลจะหลุดออกเองตามเวลาและไม่ต้องปิดยึดใหม่เมื่อหลุดออก
ข้อสำคัญที่ควรปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ยา
1.รับประทานยาตรงเวลา
2.อย่าปรับปริมาณยาหรือหยุดยาเอง แม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นหรือแย่ลง
3.หากลืมรับประทานยาภายใน 6 ชั่วโมง (กรณีรับประทานยาทุก 12 ชั่วโมง) ให้รับประทานยาเมื่อนึกได้ทันที แล้ว รับประทานยามื้อถัดไปตามปกติห้ามเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่าโดยเด็ดขาด
4.ถ้ารับประทานยาเกินขนาดหรือลืมรับประทานยาโดยมิได้ตั้งใจ รีบบอกแพทย์ทันที
5.จำไว้วายาเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น อย่าให้ผู้อื่นรับประทาน
6.อย่ารับประทานยาที่หมดอายุแล้ว
7.แจ้งแพทย์ทราบทันที ถ้ามีอาการข้างเคียงใหม่ๆ จากยา หรือมีอาการผิดปกติเมื่อรับประทานยา
8.อย่าซื้อยาจากร้านขายยารับประทานเอง โดยแพทย์ไม่ได้สั่ง
9.เก็บยาไว้ในที่เย็น แห้ง ห่างจากแสงแดด และห่างจากมือเด็ก
10.อย่าเก็บยาในตู้เย็น นอกจากเภสัชกรหรือแพทย์สั่ง
11.ตรวจสอบว่ายามีจำนวนพอที่จะรับประทานในช่วงวันหยุด หรือเมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เป็นระยะเวลานานๆ
12.เมื่อแพทย์สั่งเพิ่มปริมาณยา ควรตรวจสอบว่ามียาเพียงพอสำหรับปริมาณที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากสถานที่บางแห่งไม่มียากดภูมิคุ้มกันจำหน่าย
กิจกรรมและการออกกำลังกาย
1.ไม่ควรยกลาก ดึงสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก
2.ปรับเพิ่มการทำกิจกรรมต่างๆ ทีละน้อยในระยะ 3 เดือนหลังผ่าตัดจนกระทั่งเข้าสู่กิจกรรมปกติก่อนการผ่าตัด ปลูกถ่ายไต
สามารถขับรถและคาดเข็มขัดนิรภัยได้ เมื่อไม่มีอาการปวดแผลผ่าตัด
3.ควรเริ่มออกกำลังกายภายหลังผ่าตัดไปแล้ว 6 สัปดาห์ โดยเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ ก่อน
4.หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องปะทะหรือกีฬาที่อยู่ร่วมกับกลุ่มคนจำนวนมาก
5.หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณแผลผ่าตัดปลูกถ่ายไต
6.หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น หวัด การอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมาก และการอยู่กับบุคคลที่มีอาการ ไอ เป็ นหวัด หรือมีภาวะติดเชื้อ ถ้าจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ