ระยะที่ 1 GFR มากกว่าหรือเท่ากับ 90
ค่าไตยังสูง เรียกได้ว่าแทบจะปกติเลยค่ะ สำหรับระยะแรกนี้ แนะนำว่าควรตรวจเช็คโรคร่วมอื่น ๆ ด้วย
เช่น ความดันสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เพื่อจะได้นำมาเป็นปัจจัยในการช่วยชะลอไตเสื่อมในอนาคตได
สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษ : ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพราะไตชอบน้ำสะอาด ชอบอะไรที่กรองง่าย ๆ ไม่ต้องทำงานหนัก
ส่วนอาหารก็จะเน้นรสแบบไม่จัดมากเป้าหมาย : เริ่มชะลอไตเสื่อม
ระยะที่ 2 GFR อยู่ที่ 60-89
ไตผิดปกติเล็กน้อย แต่สามารถดูแลตัวเอง จนกลับไประยะ 1 หรือยังสามารถกลับไปปกติได้ ขึ้นกับสาเหตุที่เป็น และปัจจัยอื่น ๆ ที่มี
ผล อย่าง อาหาร โรคร่วม ยา ความดัน ของแต่คนนะคะ
สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษ : ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เน้นรสไม่จัด และทานโปรตีนให้น้อยลงนิดหน่อย เพราะโปรตีนเป็นตัววัดของเสียตัวหนึ่ง
ระยะที่ 3 GFR 30-59 **ระยะนี้ จริง ๆ แล้วในทางการแพทย์จะแบ่งย่อยออกเป็น ระยะ3a (45-59) และระยะ 3b (30-44)
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ระยะนี้ก็ถือว่า เป็นโรคไตเรื้อรังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว หรือเรียกว่า เป็นระยะก่อนฟอกไต นั่นเองค่ะ
ระยะนี้ค่าไตลดลงมากแล้ว จึงเริ่มมีความผิดปกติเกิดร่วมหลายอย่าง เช่น เริ่มโลหิตจาง (ซีด) ความดันสูง แคลเซียมในเลือดต่ำ
ฟอสเฟตในเลือดสูง โพแทสเซียมในเลือดสูง หรือภาวะเลือดเป็นกรด เป็นต้น
สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษ : ทานโปรตีนให้น้อยลง และถ้าทานก็ควรทานโปรตีนที่ย่อยง่าย ๆ อย่างไข่ขาว-เนื้อปลาสีขาว ของเสียจะได้
ไม่สูงมาก รวมถึงเริ่มควบคุมโซเดียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะไตเริ่มเสื่อมมากขึ้นแล้วนั่นเอง
เป้าหมาย : ชะลอไตเสื่อม แบบจริงจัง
ระยะที่ 4 GFR 15-29
ระยะนี้ ก็ถือเป็นระยะก่อนฟอกไตเช่นกันแต่ไตจะเสื่อม มากกว่า ระยะที่ 3
สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษ : เน้นทางโปรตีนให้น้อย ๆ และเน้นทานโปรตีนคุณภาพดี อย่างไข่ขาว-เนื้อปลาสีขาว คุมโซเดียม ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม และที่สำคัญระยะนี้ต้องคอยสังเกตเรื่องอาการบวมเป็นพิเศษด้วยค่ะ
เป้าหมาย : ชะลอไตเสื่อม แบบคร่งครัด และป้องกันโรคร่วม อาการแทรกซ้อนต่าง ๆ
ระยะที่ 5 GFR ต่ำกว่า 15
ระยะนี้คือไตเสียไปเยอะมากแล้ว จำเป็นต้องได้รับการรักษาบำบัดทดแทนไต อย่าง การล้างไตหน้าท้อง การฟอกไตผ่านเครื่อง หรือ
การปลูกถ่ายไตแล้วค่ะ
สิ่งที่ต้องดูเป็นพิเศษ : คนที่ล้างไต หรือฟอกไต ควรทานโปรตีนให้เยอะไว้ค่ะ เพราะเวลาฟอกร่างกายจะถูกดึงโปรตีนออกไป (รวม
ถึงแร่ธาตุหลาย ๆ ตัวด้วย) ทำให้เรามักจะอ่อนเพลีย หมดแรง หรือโหยเวลาหลังฟอก และเนื่องจากถูกดีงโปรตีนออกไปทุกครั้ง ถ้า
เรากินน้อยเกินไป กล้ามเนื้อก็จะถูกสลายไปเรื่อย ๆ ทำให้ยิ่งผอมลง ยิ่งอ่อนแอลงด้วยค่ะ รวมถึงยังต้องคุมโซเดียม โพแทสเซียม
ฟอสฟอรัส และน้ำ (เป็นระยะเดียวที่จำกัดการกินน้ำ ประมาณ ๅ ลิตรต่อวัน) แบบเคร่งครัดกว่าระยะอื่น ๆ ค่ะ
เป้าหมาย : ป้องกันโรคแทรกซ้อน โรคร่วมต่าง ๆ และรักษาชีวิตให้อยู่ได้ยืนยาว
ตอนนี้เราก็รู้แล้วใช่ไหมคะว่า โรคไตมี 5 ระยะ และการดูแลตัวเองแต่ละระยะก็แตกต่างกันด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเรารู้ตัวว่าตอนนี้เราอยู่
ระยะไหนและต้องดูแลตัวเองยังไง เชื่อว่า เราก็พร้อมที่จะมีชีวิตที่มีความสุขได้ ส่วนใครที่ยังไม่เคยตรวจค่าไต และมีอายุ 30+
แนะนำว่า ลองหาเวลาไปตรวจดูด้วยก็จะดีมาก ๆ เลยค่ะ
#สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 098-324-6909
