สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ทั้งปัจจัยทางเคมี
ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน ปัจจัยทางพันธุกรรม และสาเหตุจากไวรัส การติดเชื้อไวรัส
ดังนั้น การสังเกตตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม โดยหากคลำตามร่างกายแล้วพบก้อนในบริเวณต่าง ๆ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ เป็นต้น โดยก้อนเหล่านี้จะไม่มีอาการเจ็บ แตกต่างจากการติดเชื้อที่จะมีอาการเจ็บที่ก้อนเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น มีเหงื่อออกมากในกลางคืน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็ว ฯลฯ ซึ่งอาการนี้มักพบบริเวณต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท ทั้งนี้ ควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นอาจคล้ายโรคอื่น เพื่อป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อคลำเจอก้อน ควรรีบพบแพทย์ ตรวจเช็กอย่างละเอียดหากเป็นโรคดังกล่าวจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
โรคมะเร็งเป็นโรคอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนไทย และ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” คือ 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบได้บ่อย ซึ่งระบบน้ำเหลืองของร่างกายนั้นจะมีหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรค และประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันหรือทำลายเชื้อโรค โดยต่อมน้ำเหลืองพบได้ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ เต้านม หรือบริเวณขาหนีบ ฯลฯ
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมี 2 ชนิด
1.มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin lymphoma (NHL) โดยในประเทศไทยพบชนิดนี้บ่อยที่สุด
2.มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin disease (HD)
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับ “เพศชาย” มากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุประมาณ 60 – 70 ปี รวมไปถึงผู้ที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori และการติดเชื้อไวรัส EBV การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ตลอดจนผู้ป่วยที่เป็นโรค SLE หรือในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หลังจากแพทย์ซักประวัติและพิจารณาจากอาชีพลักษณะงาน สิ่งแวดล้อม สิ่งกระตุ้นแล้ว จะทำการตรวจหาดังนี้...
1. ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
2. ตรวจไขกระดูก เพื่อประเมินว่ามีการกระจายเข้าไปในไขกระดูกหรือไม่
3. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
4. เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
5. การตรวจกระดูก (Bone Scan)
6. การตรวจ PET Scan
นี่คืออาการเริ่มต้นของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่พบได้บ่อย
ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะเริ่มแรก มักมีไข้ หนาวสั่น ไอเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลโต หายใจไม่ค่อยสะดวก เหงื่อชอบออกช่วงเวลากลางคืน เบื่ออาหารและน้ำหนักลด มีอาการคันทั่วทั้งร่างกาย และเมื่อคลำบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ...จะพบก้อนเนื้อ
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง...มักเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต! โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการชอบทานอาหารจำพวกช็อกโกแลต เนย หรือชีส การชอบดื่มเครื่องแอลกอฮอล์เป็นประจำ การเปลี่ยงแปลงของฮอร์โมน ตลอดจนการอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นน้ำหอม และอากาศร้อนจัด
ระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะดังนี้
ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะเริ่มแรก มักมีไข้ หนาวสั่น ไอเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลโต หายใจไม่ค่อยสะดวก เหงื่อชอบออกช่วงเวลากลางคืน เบื่ออาหารและน้ำหนักลด มีอาการคันทั่วทั้งร่างกาย และเมื่อคลำบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ...จะพบก้อนเนื้อ
ระยะที่ 1 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลืองหรือนอกต่อมน้ำเหลืองเพียงบริเวณเดียว
ระยะที่ 2 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลืองหรือนอกต่อมน้ำเหลือง ตั้งแต่ 2 ตำแหน่งขึ้นไป
ระยะที่ 3 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลืองหรือนอกต่อมน้ำเหลือง ที่อยู่คนละด้านของกระบังลม
ระยะที่ 4 : มีรอยโรคกระจายออกไปเกินตำแหน่งเริ่มต้นที่พบ เช่น บริเวณตับ, ไขกระดูก, หรือปอด
วิธีการรักษา มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
สำหรับวิธีการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาใหม่ ได้แก่ การใช้เคมีบำบัด ยาแอนติบอดีการฉายแสงสำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิดหรือก้อนมะเร็งที่โตเฉพาะที่ และการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับผู้ป่วยที่กลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งมีผู้ป่วย 60% ตอบสนองกับการรักษามาตรฐาน และอีกกว่า 40% ที่ไม่ตอบสนองกับการรักษา ซึ่งแบ่งเป็น 15% ที่ดื้อต่อการรักษา และ 25% ที่กลับมาเป็นซ้ำภายในระยะเวลา 2 ปี
**ฉะนั้นหลายคนจึงมองหาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติเพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้เคมี คีโมเพราะผลข้างเคียงจากการทำลายจากเคมีที่รุนแรง จนทำให้บางคนทานอาหารไม่ได้ภมิคุ้มกันตกอย่างกระทันหันทำให้มีโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ และภายในระยะเวลา 2 ปีมะเร็งยังมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกและลุกลามเร็วกว่าครั้งแรกได้อีกด้วย
#พอลลิติน polllitin จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดเพราะเข้าไปแก้ที่ต้นเหตุด้วยการนำสารอาหารที่มีมากกว่า 300 ชนิด ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ กรดอะมีโนจำเป็น เขาไปช่วยฟื้นฟูดูแลร่างกายทุกระบบทุกอวัยวะให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลทำให้ร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ที่แนะนำมีทั้งหมด 6 ตัวดังนี้ค่ะ
พอลเลนพลัส"พอลลิติน" ช่วยลดและต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันและเรื้อรังลุกลาม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง
สามารถทำลายเชื้อโรคต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
พอลลิทอล "พอลลิติน"ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระยับยั้งการกระจายตัวของเซลล์ที่ผิดปกติต่างในรางกาย ช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการใช้ยาเคมี คีโมทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น
พอลลิทรักซ์ "พอลลิติน" ช่วยเพิ่มจุรินทรีย์ตัวดีในลำไส้ทำให้ลำไส้สะอาด สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างการได้รับสารอาหารเพียงพอ ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
วีทกราส "พอลลิติน" ช่วยขับล้างสารพิษสารเคมีโลหะหนักในร่างกายและอวัยวะต่างๆ มีคอโรฟิวร์จากต้นอ่อนข้าวสาลี ช่วยเพิ่มการไหลเวียนอ๊อกซิเจนในเลือดได้ดีทำให้ร่างกายสดชื่นกระปี้กระเป่า แข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พอลลิตัน "พอลลิติน"ช่วยลดการอักเสบระบบต่างๆในร่างกาย เพิ่มกระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายให้มีประสิทธิภาพเพิมมากขึ้น ลดการติดเชื้อเพิมขึ้น ให้ร่างกายผ่อนคลายลดการปวดเกร็ง คลายเคลียดกล้ามเนื้อ
มิ๊กซ์พอลเลน "พอลลิติน"
มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยตัด วงจรการกระจายตัวของเซลล์ผิดปกติให้หมดไปและช่วยเพิ่มโกรธฮอร์โมนให้ผู้ป่วยผ่อนคลายความเครียดทำให้การนอนหลับผักผ่อนได้ดีขึ้นช่วยเพิ่มอ๊อกซิเจนในเลือดและร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น

#สอบถามเพิ่มเติม 098-324-6909
#ไลน์Id 0983246909
#www.healtysorawi.com
#เพจ รู้ทันสุขภาพห่างไกลโรค